top of page

ทำไมอดอาหารถึงไม่ดีต่อสุขภาพ

หลายๆคนคงเคยผ่านช่วงเวลาไดเอทด้วยการอดอาหารเพื่อให้น้ำหนักลดลงเร็วที่สุดกันมาแล้ว

เพราะไหนจะงานแต่งปลายปีบ้าง ไหนจะงานเลี้ยงบ้าง ถ้าไม่รีบลดก็คงไม่ทัน

แต่พอเลิกลดแล้วก็เด้งกลับมาเท่าเดิมในเวลาอันรวดเร็ว นั่นก็เพราะจริงๆแล้วการอดอาหารกลับทำให้อ้วนมากกว่าผอมนั่นเอง

ดร.สุวิมล ทรัพย์วโรบล นักกำหนดอาหารวิชาชีพ USA ได้อธิบายถึงหลักการง่ายๆของการอดอาหารแต่กลับทำให้อ้วนว่า เพราะร่างกายของเรามีระบบการควบคุมการใช้พลังงาน ดังนั้นการติดลบพลังงานโดยการอดอาหาร จะส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วแค่เพียงช่วงแรกเท่านั้น หลังจากนั้นร่างกายจะลดระดับการใช้พลังงานลงเหมือนกับที่คอมพิวเตอร์เข้าสู่ safe mode เพื่อลดการใช้พลังงานในเวลาที่ต้องประหยัด หรือเมื่อมีพลังงานจำกัด ทำให้ส่วนต่างของพลังงานที่ติดลบหรือขาดทุนอยู่ลดลงตามไปด้วย จนกระทั่งระดับการใช้พลังงานเท่ากับพลังงานที่ได้รับจากอาหาร น้ำหนักตัวก็จะคงที่ และที่สำคัญคนส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถอดอาหารได้นาน ดังนั้นเมื่อไม่สามารถทนอดอาหารได้ ก็จะหันกลับมารับประทานเท่าเดิม หรือมากกว่าเดิม ทำให้ร่างกายนำพลังงานส่วนที่เหลือไปเก็บไว้ในรูปของไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้กลับมาอ้วนเหมือนเดิม โดยเราเรียกระบบนี้ว่า “โยโย่เอฟเฟคท์ (yo-yo effect)” เป็นผลให้คนทั่วไปที่ลดน้ำหนักผิดวิธีไม่สามารถควบคุมน้ำหนักได้ บางคนนั้นมีน้ำหนักมากกว่าช่วงที่เริ่มอดเสียอีกก็มี

ซึ่งแอดมินพลอยขอบอกเลยค่ะ ว่าเป็นจริงๆ เพราะพลอยเองเคยลองอดอาหารมาแล้ว สูตร7วัน 14วันในเน็ตก็จัดมาหมด และเกิดโยโย่เอฟเฟคท์มาแล้วกับตัว ตอนแรกน้ำหนักจะลดลงอย่างรวดเร็ว 1-2kg ภายใน 1 อาทิตย์ พอหลังจากนั้นก็ตบะแตก น้ำหนักพุ่งกลับคืนอย่างรวดเร็วจนทะลุของเดิมด้วยซ้ำ ซึ่งพอทำแบบนี้บ่อยๆเข้า ในที่สุดระบบเผาผลาญของร่างกายก็พัง จะกลับไปอดแบบเดิมก็ไม่ลดแล้ว ในที่สุดก็เริ่มนับ1กันใหม่ หันกลับมาออกกำลังกายทุกวันเพื่อปรับระบบเผาผลาญ และทานอาหารคลีนแทน

ใครยังไม่เห็นภาพ ขอยกตัวอย่างเพิ่มนะคะ เช่น คุณเป็นคนที่ต้องการใช้พลังงาน 1,500 กิโลแคลอรีต่อวัน แต่ตั้งใจอดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก จึงเริ่มอดอาหาร โดยรับประทานแค่ 1,000 กิโลแคลอรีต่อวัน ทำให้ได้พลังงานน้อยกว่าที่ต้องใช้ 500 กิโลแคลอรีต่อวัน ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ พลังงานจะติดลบ 3,500 กิโลแคลอรี (500 กิโลแคลอรี x 7 วัน) น้ำหนักตัวจะลดลงประมาณครึ่งกิโลกรัม หากสามารถอดอาหารแบบนี้ต่อไปได้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ น้ำหนักจะลดลงหนึ่งกิโลกรัม (500 กิโลแคลอรี x 14 วัน เท่ากับ 7,000 กิโลแคลอรี) และหนึ่งเดือนน้ำหนักก็จะลดลงสองกิโลกรัม ฟังแล้วก็ชื่นใจ คนอดอาหารก็จะเริ่มมีกำลังใจในการอดต่อไป แต่น้ำหนักจะลดลงได้ไม่มาก เพราะร่างกายจะปรับลดความต้องการพลังงานลง จนเท่ากับพลังงานที่รับประทาน น้ำหนักตัวจะเริ่มคงที่ แต่หากกลับมารับประทาน 1,500 กิโลแคลอรี ส่วนเกิน 500 กิโลแคลอรี ก็จะถูกเก็บสะสมไว้ในร่างกายทันที น้ำหนักตัวก็จะเริ่มกลับมาเป็นขาขึ้นเหมือนเดิม

ทั้งนี้จึงมีข้อแนะนำสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักว่า สำหรับเด็กวัยเรียน และวัยรุ่นนั้น ควรรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้า เพื่อให้สารอาหารบำรุงสมอง ส่วนอาหารเช้าประเภทซีเรียล ไม่ควรรับประทานอย่างเดียว ควรเพิ่มนม ไข่ และสลัดผักผลไม้จะดีที่สุด และลดปริมาณการใช้น้ำมันในการปรุงอาหารลง และควรหลีกเลี่ยงขนมถุง ของทอด เนื่องจากอยู่ในวัยที่กำลังเจริญเติบโต มีความจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอ

ส่วนผู้ใหญ่ระบบเผาผลาญจะไม่ดีเหมือนหนุ่มสาว แต่ก็ต้องทานให้ครบ 3 มื้อ 5 หมู่เหมือนเดิม โดยลดของทอด ของมัน หันมาทานไขมันดีมากขึ้น เช่น ใช้น้ำมันมะกอก กินอโวคาโด ถั่วอัลมอนด์ เป็นต้น ส่วนเนื้อสัตว์ก็หมั่นทานปลา อกไก่ให้มากขึ้น หรือง่ายๆทานอาหารตามตารางพิรามิดนี้ได้เลย

ได้ไขข้อสงสัยกันไปแล้ว ว่าวิธีการอดอาหารไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง ดังนั้นวิธีเดียวที่จะสามารถคงระดับการใช้พลังงานของร่างกายได้ก็คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค มีวินัยในการเลือกทานอาหารเพื่อสุขภาพ และที่สำคัญคือทำใจให้ผ่อนคลายไม่เครียด เพียงเท่านี้คุณก็จะมีรูปร่างที่สวยงาม ไปพร้อมกับการมีสุขภาพที่ดีแล้ว

ยังไงพูดคุย คอมเม้นกันได้เลยนะคะ แอดมินพลอยจะนำบทความดีดีมาให้อ่านกันบ่อยๆค่ะ :D ที่มา : เว็บไซด์เดลินิวส์ออนไลน์

Featured Posts
Recent Posts
Search By Tags
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Instagram-v051916_200
  • line-icon
bottom of page