top of page

โทษของการใส่รสดี: สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนปรุงอาหารครั้งต่อไป

อัปเดตเมื่อ 2 พ.ค.


ผงชูรส


บทนำ

สวัสดีเพื่อนๆ นักชิมทุกคน! เวลาที่เราปรุงอาหาร เรามักจะใส่เครื่องปรุงรสต่างๆ เพื่อให้อาหารของเรามีรสชาติที่อร่อยถูกปาก แต่รู้หรือไม่ว่า การใส่รสดีหรือผงชูรสมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้หลายประการ

ในบทความนี้ เราจะมาพูดคุยกันถึงโทษของการใส่รสดีในอาหารที่มากเกินความจำเป็น เพื่อให้คุณได้ตระหนักและรู้จักการปรุงอาหารให้อร่อยอย่างปลอดภัยมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ชอบทำอาหารทานเองที่บ้าน หรือเป็นเจ้าของร้านอาหาร บทความนี้มีประโยชน์สำหรับทุกคนแน่นอน!


รสดีคืออะไรกันแน่?

ก่อนที่เราจะไปดูกันว่าการใส่รสดีมากเกินไปมีโทษอย่างไรบ้าง มาทำความเข้าใจกันก่อนว่ารสดีคืออะไร

รสดี หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ "ผงชูรส" มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า โมโนโซเดียมกลูตาเมต (Monosodium Glutamate หรือ MSG) เป็นเกลือโซเดียมของกรดกลูตามิก ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่พบได้ตามธรรมชาติในอาหารหลายชนิด เช่น เนื้อสัตว์ ชีส และผัก

รสดีถูกใช้อย่างแพร่หลายในการปรุงอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติที่เรียกว่า "อูมามิ" (Umami) หรือรสชาติที่ทำให้อาหารมีความกลมกล่อมมากขึ้น แต่การใช้รสดีมากเกินไปก็อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้


โทษของการใส่รสดีมากเกินไป


1. อาการแพ้และภาวะไม่ทนต่อผงชูรส

หลายคนอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับ "Chinese Restaurant Syndrome" หรือกลุ่มอาการที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีผงชูรสปริมาณมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น:

  • ปวดศีรษะอย่างรุนแรง

  • หน้าแดง ร้อนวูบวาบ

  • เหงื่อออกมากผิดปกติ

  • แน่นหน้าอก

  • คลื่นไส้ อาเจียน

  • ชาบริเวณปากและคอ

ถึงแม้ว่าการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าอาการเหล่านี้เกิดจากผงชูรสโดยตรง แต่มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่รายงานว่าตนเองมีอาการไม่สบายหลังจากรับประทานอาหารที่มีผงชูรสในปริมาณมาก


2. เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและโรคเบาหวาน

การเติมรสดีในอาหารช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารอร่อยขึ้น ทำให้เรารับประทานอาหารได้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรารับประทานอาหารเกินความจำเป็น นำไปสู่การสะสมไขมันและน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น

มีงานวิจัยบางชิ้นพบความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคผงชูรสในปริมาณมากกับโรคอ้วนและภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคเบาหวานชนิดที่ 2


3. ปัญหาระบบประสาทและสมอง

การศึกษาในห้องทดลองพบว่า การได้รับผงชูรสในปริมาณสูงอาจส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและการทำงานของสมอง โดยอาจก่อให้เกิด:

  • ปัญหาด้านความจำ

  • อาการวิตกกังวล

  • ความผิดปกติในการนอนหลับ

  • ผลกระทบต่อการเรียนรู้และความสามารถในการจดจำ

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังเป็นการทดลองในสัตว์ทดลอง และยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์


4. ผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร

การบริโภคอาหารที่มีผงชูรสในปริมาณมากเป็นประจำอาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น:

  • กรดไหลย้อน

  • แน่นท้อง อืดแน่น

  • ท้องเสีย

  • อาหารไม่ย่อย

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาที่พบว่า การได้รับผงชูรสในปริมาณสูงอาจส่งผลกระทบต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันและการย่อยอาหารของเรา


5. ความดันโลหิตสูง

ผงชูรสมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นการบริโภคในปริมาณมากอาจนำไปสู่การได้รับโซเดียมเกินความต้องการของร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคความดันโลหิตสูง

ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงหรือมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจควรระมัดระวังการบริโภคอาหารที่มีผงชูรสสูงเป็นพิเศษ


ใครควรหลีกเลี่ยงการบริโภครสดี?

ถึงแม้ว่าองค์การอาหารและยาของหลายประเทศจะจัดให้ผงชูรสเป็นสารปรุงแต่งอาหารที่ปลอดภัย แต่มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ควรระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการบริโภคผงชูรส ได้แก่:

  • ผู้ที่มีอาการแพ้หรือไม่ทนต่อผงชูรส

  • ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง

  • ผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากมีข้อจำกัดในการบริโภคโซเดียม

  • หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร (ควรปรึกษาแพทย์)

  • ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรนบ่อยครั้ง


ทางเลือกสำหรับการปรุงอาหารให้อร่อยโดยไม่ต้องใช้รสดี

การลดหรือเลิกใช้ผงชูรสไม่ได้หมายความว่าอาหารของคุณจะต้องจืดชืดและไม่น่ารับประทาน มีวิธีการมากมายที่จะช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารโดยไม่ต้องพึ่งพารสดี เช่น:

1. ใช้สมุนไพรและเครื่องเทศธรรมชาติ

สมุนไพรสดและเครื่องเทศต่างๆ สามารถเพิ่มกลิ่นและรสชาติให้อาหารได้อย่างยอดเยี่ยม ลองใช้:

  • ใบโหระพา กะเพรา สะระแหน่

  • ขิง ข่า ตะไคร้

  • พริกไทย พริกไทยดำ

  • ยี่หร่า อบเชย กานพลู


2. น้ำซุปและน้ำสต็อกบ้านทำ

การทำน้ำซุปหรือน้ำสต็อกจากกระดูกสัตว์ ผัก และสมุนไพรต่างๆ จะให้รสชาติที่เข้มข้นและอุดมไปด้วยสารอาหาร โดยไม่ต้องพึ่งพาผงชูรส


3. ซอสธรรมชาติ

ซอสที่ทำจากธรรมชาติ เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำปลา ซีอิ๊ว หรือซอสถั่วเหลือง (ในปริมาณที่เหมาะสม) สามารถเพิ่มรสชาติให้อาหารได้โดยไม่ต้องใช้ผงชูรส


4. ใช้ผักและผลไม้ที่มีรสเข้มข้น

ผักและผลไม้บางชนิดมีรสชาติเข้มข้นที่สามารถเพิ่มรสชาติให้อาหารได้ เช่น:

  • มะเขือเทศ

  • เห็ดหอม

  • หอมใหญ่ กระเทียม

  • น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู


การใส่รสดีในอาหารอาจช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากขึ้นในระยะสั้น แต่การบริโภคในปริมาณมากและเป็นประจำอาจนำมาซึ่งผลเสียต่อสุขภาพหลายประการ ตั้งแต่อาการแพ้ ผลกระทบต่อระบบประสาทและสมอง ไปจนถึงความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและความดันโลหิตสูง

การเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดี สมุนไพรและเครื่องเทศธรรมชาติ ตลอดจนเทคนิคการปรุงอาหารที่ถูกต้อง จะช่วยให้คุณสามารถทำอาหารรสชาติดีโดยไม่ต้องพึ่งพารสดีมากเกินไป

สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากอาหารที่ดี และการลดหรือเลิกใช้ผงชูรสในการปรุงอาหารก็เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการดูแลสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก หรือสั่งอาหารจากทางร้าน Under360 ก็ได้เช่นกัน !! ทุกเมนูของทางร้านไม่มีใส่ผงชูรสหรือรสดี


  • คลิกสั่งซื้อเลย

  • สมัครสมาชิกได้รับส่วนลด 50 บาท สำหรับลูกค้าใหม่


 
 
 

コメント


wix-edit-1.jpg
Featured Posts
Recent Posts
Search By Tags
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Instagram-v051916_200
  • line-icon

บริการด้านอื่นๆ

อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต

อาหารสำหรับเด็ก 6 เดือน - 3 ขวบ

จัดแคทเธอริ่ง และอาหารกอง

bottom of page