โทษของการใส่รสดี: สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนปรุงอาหารครั้งต่อไป
- chutichawannan
- 30 เม.ย.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 2 พ.ค.

บทนำ
สวัสดีเพื่อนๆ นักชิมทุกคน! เวลาที่เราปรุงอาหาร เรามักจะใส่เครื่องปรุงรสต่างๆ เพื่อให้อาหารของเรามีรสชาติที่อร่อยถูกปาก แต่รู้หรือไม่ว่า การใส่รสดีหรือผงชูรสมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้หลายประการ
ในบทความนี้ เราจะมาพูดคุยกันถึงโทษของการใส่รสดีในอาหารที่มากเกินความจำเป็น เพื่อให้คุณได้ตระหนักและรู้จักการปรุงอาหารให้อร่อยอย่างปลอดภัยมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ชอบทำอาหารทานเองที่บ้าน หรือเป็นเจ้าของร้านอาหาร บทความนี้มีประโยชน์สำหรับทุกคนแน่นอน!
รสดีคืออะไรกันแน่?
ก่อนที่เราจะไปดูกันว่าการใส่รสดีมากเกินไปมีโทษอย่างไรบ้าง มาทำความเข้าใจกันก่อนว่ารสดีคืออะไร
รสดี หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ "ผงชูรส" มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า โมโนโซเดียมกลูตาเมต (Monosodium Glutamate หรือ MSG) เป็นเกลือโซเดียมของกรดกลูตามิก ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่พบได้ตามธรรมชาติในอาหารหลายชนิด เช่น เนื้อสัตว์ ชีส และผัก
รสดีถูกใช้อย่างแพร่หลายในการปรุงอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติที่เรียกว่า "อูมามิ" (Umami) หรือรสชาติที่ทำให้อาหารมีความกลมกล่อมมากขึ้น แต่การใช้รสดีมากเกินไปก็อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้
โทษของการใส่รสดีมากเกินไป
1. อาการแพ้และภาวะไม่ทนต่อผงชูรส
หลายคนอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับ "Chinese Restaurant Syndrome" หรือกลุ่มอาการที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีผงชูรสปริมาณมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น:
ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
หน้าแดง ร้อนวูบวาบ
เหงื่อออกมากผิดปกติ
แน่นหน้าอก
คลื่นไส้ อาเจียน
ชาบริเวณปากและคอ
ถึงแม้ว่าการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าอาการเหล่านี้เกิดจากผงชูรสโดยตรง แต่มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่รายงานว่าตนเองมีอาการไม่สบายหลังจากรับประทานอาหารที่มีผงชูรสในปริมาณมาก
2. เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและโรคเบาหวาน
การเติมรสดีในอาหารช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารอร่อยขึ้น ทำให้เรารับประทานอาหารได้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรารับประทานอาหารเกินความจำเป็น นำไปสู่การสะสมไขมันและน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น
มีงานวิจัยบางชิ้นพบความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคผงชูรสในปริมาณมากกับโรคอ้วนและภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคเบาหวานชนิดที่ 2
3. ปัญหาระบบประสาทและสมอง
การศึกษาในห้องทดลองพบว่า การได้รับผงชูรสในปริมาณสูงอาจส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและการทำงานของสมอง โดยอาจก่อให้เกิด:
ปัญหาด้านความจำ
อาการวิตกกังวล
ความผิดปกติในการนอนหลับ
ผลกระทบต่อการเรียนรู้และความสามารถในการจดจำ
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังเป็นการทดลองในสัตว์ทดลอง และยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์
4. ผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร
การบริโภคอาหารที่มีผงชูรสในปริมาณมากเป็นประจำอาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น:
กรดไหลย้อน
แน่นท้อง อืดแน่น
ท้องเสีย
อาหารไม่ย่อย
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาที่พบว่า การได้รับผงชูรสในปริมาณสูงอาจส่งผลกระทบต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันและการย่อยอาหารของเรา
5. ความดันโลหิตสูง
ผงชูรสมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นการบริโภคในปริมาณมากอาจนำไปสู่การได้รับโซเดียมเกินความต้องการของร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคความดันโลหิตสูง
ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงหรือมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจควรระมัดระวังการบริโภคอาหารที่มีผงชูรสสูงเป็นพิเศษ
ใครควรหลีกเลี่ยงการบริโภครสดี?
ถึงแม้ว่าองค์การอาหารและยาของหลายประเทศจะจัดให้ผงชูรสเป็นสารปรุงแต่งอาหารที่ปลอดภัย แต่มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ควรระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการบริโภคผงชูรส ได้แก่:
ผู้ที่มีอาการแพ้หรือไม่ทนต่อผงชูรส
ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
ผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากมีข้อจำกัดในการบริโภคโซเดียม
หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร (ควรปรึกษาแพทย์)
ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรนบ่อยครั้ง
ทางเลือกสำหรับการปรุงอาหารให้อร่อยโดยไม่ต้องใช้รสดี
การลดหรือเลิกใช้ผงชูรสไม่ได้หมายความว่าอาหารของคุณจะต้องจืดชืดและไม่น่ารับประทาน มีวิธีการมากมายที่จะช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหารโดยไม่ต้องพึ่งพารสดี เช่น:
1. ใช้สมุนไพรและเครื่องเทศธรรมชาติ
สมุนไพรสดและเครื่องเทศต่างๆ สามารถเพิ่มกลิ่นและรสชาติให้อาหารได้อย่างยอดเยี่ยม ลองใช้:
ใบโหระพา กะเพรา สะระแหน่
ขิง ข่า ตะไคร้
พริกไทย พริกไทยดำ
ยี่หร่า อบเชย กานพลู
2. น้ำซุปและน้ำสต็อกบ้านทำ
การทำน้ำซุปหรือน้ำสต็อกจากกระดูกสัตว์ ผัก และสมุนไพรต่างๆ จะให้รสชาติที่เข้มข้นและอุดมไปด้วยสารอาหาร โดยไม่ต้องพึ่งพาผงชูรส
3. ซอสธรรมชาติ
ซอสที่ทำจากธรรมชาติ เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำปลา ซีอิ๊ว หรือซอสถั่วเหลือง (ในปริมาณที่เหมาะสม) สามารถเพิ่มรสชาติให้อาหารได้โดยไม่ต้องใช้ผงชูรส
4. ใช้ผักและผลไม้ที่มีรสเข้มข้น
ผักและผลไม้บางชนิดมีรสชาติเข้มข้นที่สามารถเพิ่มรสชาติให้อาหารได้ เช่น:
มะเขือเทศ
เห็ดหอม
หอมใหญ่ กระเทียม
น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู
การใส่รสดีในอาหารอาจช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากขึ้นในระยะสั้น แต่การบริโภคในปริมาณมากและเป็นประจำอาจนำมาซึ่งผลเสียต่อสุขภาพหลายประการ ตั้งแต่อาการแพ้ ผลกระทบต่อระบบประสาทและสมอง ไปจนถึงความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและความดันโลหิตสูง
การเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดี สมุนไพรและเครื่องเทศธรรมชาติ ตลอดจนเทคนิคการปรุงอาหารที่ถูกต้อง จะช่วยให้คุณสามารถทำอาหารรสชาติดีโดยไม่ต้องพึ่งพารสดีมากเกินไป
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากอาหารที่ดี และการลดหรือเลิกใช้ผงชูรสในการปรุงอาหารก็เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการดูแลสุขภาพของคุณและคนที่คุณรัก หรือสั่งอาหารจากทางร้าน Under360 ก็ได้เช่นกัน !! ทุกเมนูของทางร้านไม่มีใส่ผงชูรสหรือรสดี
คลิกสั่งซื้อเลย
สมัครสมาชิกได้รับส่วนลด 50 บาท สำหรับลูกค้าใหม่
コメント